จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 28 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | จุลธาตุ-คีเลต และ อาหารเสริม |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
แมงกานิส ( Manganese - EDTA ) ใช้ปลูกพืชผักไฮโดรโพนิกส์ เป็นธาตุอาหารรองที่จำเป็นสำหรับพืช สามารถละลายในน้ำได้ดี ธาตุแมงกานีสคีเลตอีดีทีเอ 13% แมงกานีสเวสโก้ (Librel EDTA Mn 13%; BASF@UK)
Librel EDTA Mn 13% ผลิตโดย บ. BASF ประเทศอังกฤษ ประกอบด้วยธาตุแมงกานีสในรูปคีเลต 13% แมงกานีส เป็นปุ๋ยธาตุอาหารเสริมในรูปคีเลต อีดีทีเอ (Mn-EDTA) ละลายน้ำได้ดี และสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทั้งทางรากและทางใบ ใช้สำหรับ 1. ละลายน้ำเพื่อเป็นธาตุอาหารสำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) 2. ละลายน้ำเพื่อฉีดพ่นพืชโดยตรง โดยพืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารผ่านทางใบและสามารถนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันอาการขาดธาตุแมงกานีสของพืชทุกชนิด ธาตุแมงกานีส มีความสำคัญต่อพืช โดย 1. มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสังเคาระห์แสง 2. เมื่ออยู่ร่วมกับธาตุเหล็ก จะเป็นตัวควบคุม Oxidation Reduction Potential (Redox-Potential EH) นอกจากนี้ ยังเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของเอนไซม์หลายชนิด เช่น Phospho-glucomutase (การเปลี่ยนแปลงน้ำตาล), Choline esterase และ B-Ketodecarboxylase 3. มีส่วนในกระบวนการเมตาบอลิซึม ของธาตุเหล็กและไนโตรเจน
อัตราการใช้ 3-5 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นเป็นละอองเล็กๆ พอเปียกทั่วใบและทุกส่วนของพืช ใช้ได้ดีกับ แตง ถั่ว มะเขือ ผักกาดหอม กะหล่ำ ไม้ประดับ ไม้ผลทุกชนิด พืชหัว หอม แครอท มันฝรั่ง สับปะรด ควรฉีดพ่นร่วมกับปุ๋ยเกล็ดทางใบที่ให้ธาตุไนโตรเจน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ยไนโตรเจน ในพืช หมายเหตุ ในการฉีดพ่น ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็น ที่แดดไม่จัด อากาศไม่ร้อน ลมไม่พัดแรงและคาดว่าฝนจะฝนตก ต้นพืชต้องไม่เหี่ยวเฉาหรือขาดน้ำ ไม่ควรฉีดพ่นจนเปียกโชก เพราะจะเป็นการสูญเสียปุ๋ยโดยไม่จำเป็น และไม่ควรใช้เกินอัตราที่กำหนด คีเลต คือ สารประกอบที่เกิดจากการจับตัวกันของอะตอมเชิงเดี่ยว (ธาตุอาหาร) กับ สารที่ทำงานเป็นคีเลตติ้งเอเจนต์ (EDTA) สารที่ทำงานเป็นคีเลตติ้งเอเจนต์ (EDTA) นี้จะจับกับธาตุอาหารและหุ้มธาตุอาหารไว้เพื่อทำให้อนุภาคของธาตุอาหารไม่ถูกยึดอยู่กับดิน เป็นผลให้เพิ่มการเคลื่อนย้ายของธาตุอาหารและทำให้ธาตุอาหารพร้อมสำหรับการดูดซึมของพืชได้มากขึ้น ประโยชน์ของธาตุอาหารในรูปคีเลต 1. ช่วยป้องกันปัญหาการขาดธาตุอาหารรอง 2. ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดธาตุอาหารรอง 3. ช่วยป้องกันธาตุอาหารจากปฏิกิริยาระหว่างฟอสเฟตกับดิน 4. ช่วยเคลื่อนย้ายธาตุอาหารไปบริเวณไรโซสเฟียร์(ดินที่เกาะอยู่ตามบริเวณรอบรากพืช)จนถึงบริเวณที่มีการดูดซึมธาตุอาหาร
การทำงานของคีเลต
1. คีเลตติ้งเอเจนต์ (EDTA) จะป้องกันอนุภาคของธาตุอาหารจากปัจจัยที่ให้เกิดการเคลื่อนที่ไม่ได้หรือปัจจัยที่ทำให้เกิดการกีดขวางในดิน 2. นอกจากจะเพิ่มความสามารถในการละลายน้ำและเพิ่มการเคลื่อนที่ได้ของธาตุอาหารในดินแล้ว คีเลตติ้งเอเจนต์ยังช่วยธาตุอาหารในการเคลื่อนย้ายไปอยู่ในไรโซสเฟียร์ (ดินที่เกาะอยู่บริเวณรากพืช) ดีขึ้น 3. คีเลตติ้งเอเจนต์จะปล่อยธาตุอาหารเข้าไปในพืชและตัวมันจะถูกดูดซืมเข้าไปในไรโซสเฟียร์ (ราก) 4. การใช้คีเลตทำให้แน่ใจว่าพืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้ดีที่สุด เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพเวลาเก็บเกี่ยว
ประโยชน์ของธาตุอาหารในรูปคีเลตแบบผงกับธาตุอาหารในรูปเดิมๆ 1. มีเสถียรภาพมากกว่าในดิน ธาตุอาหารที่ถูกปกป้องโดยคีเลตติ้งเอเจนต์จะไม่ทำปฏิกิริยากับธาตุอื่นๆที่อยู่ในดิน (เช่นคาร์บอนเนต, OM, สารประกอบ clay-humic เป็นต้น) ทำให้ธาตุอาหารพร้อมใช้อยู่ได้นานกว่า 2. มีเสถียรภาพมากว่าในถังผสมและระบบน้ำ 3. ได้ประสิทธิภาพที่สูงสุดด้วยปริมาณการใช้ที่ต่ำกว่า เนื่องจากธาตุอาหารในรูปคีเลตทำให้พืชสามารถนำไปใช้ได้ทั้งหมด 4. ละลายน้ำได้ดีและมีความเสี่ยงต่ำกับปัญหาดินเค็ม 5. เข้าได้กับเคมีเกษตรส่วนใหญ่รวมถึงปุ๋ยทางใบ 6. ง่ายทั้งการใช้งาน การขนส่ง และการเก็บรักษา ธาตุแมงกานีส ธาตุนี้มีผลกระทบต่อใบ เนื่องจากมีบทบาทในการสั่งเคราะห์แสง เป็นตัวกระตุ้นการทำงานของน้ำย่อยในต้นพืช และยังควบคุมกิจกรรมของธาตุเหล็กและไนโตรเจนในต้นพืชอีกด้วย พืชที่ขาดธาตุแมงกานีสใบจะออกสีเหลือง ๆ ส่วนเส้นใบจะเขียวอยู่ปกติ โดยเฉพาะใบอ่อนอาจเกิดเป็นจุดขาว ๆ หรือจุดเหลืองที่ใบ ต้นโตช้า ใบไม่สมบูรณ์ พุ่มต้นโปร่ง ใบมีขนาดเล็กผิดปกติ มีจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ และอาจจะขยายวงกว้าง สำหรับในข้าวโพดมีแถบสีเหลืองแคบ ๆ ส่วนลักษณะที่แสดงลำต้นคือ ต้นพืชผอมโกร่ง มีขนาดเล็ก ติดผล ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |